หุ้นไทยรับแรงกดดัน “FED ปรับลด QE-น้ำมันดิบร่วงหนัก” ฉุด SET แกว่งตัว

หุ้นไทยวันนี้แกว่งตัว 1,535-1,555 จุด รับแรงกดดัน FED ปรับลด QE และน้ำมันดิบที่ทรุดลงอย่างหนักหลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่ามากสุดในรอบ 8 เดือน อย่างไรก็ตามความคาดหวังการผ่อนคลายล็อกดาวน์จะช่วยหนุนภาวะตลาด

วันที่ 20 สิงหาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี หรือ บล.กรุงศรี คาดดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งตัว 1,535-1,555 จุด จากปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้าโดยภาวะตลาดมีแรงกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณลดการใช้ QE ลงในปีนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงและการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตามยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศเริ่มทรงตัว รวมถึงการฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้น จึงคาดหวังการผ่อนคลายล็อกดาวน์ (Lockdown) ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจและภาวะการลงทุน

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามหลังโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจระดับโลก เขียนบทวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐเหลือขยายตัวเพียง 5.5% จากเดิม 9% กังวลการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าจะทำให้การใช้จ่ายผู้บริโภค และภาคการผลิตต่าง ๆ ของสหรัฐลดลง

ด้านน้ำมันดิบ WTI ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ลดลงอีก 1.77 ดอลลาร์ (-2.7%) ปิดที่ระดับ 63.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีนี้ เป็นผลจากดอลลาร์แข็งค่าโดยล่าสุด Dollar Index แข็งค่าสู่ระดับ 93.57 แข็งค่ามากสุดในรอบ 8 เดือน ขณะเดียวกันยังกังวลดีมานด์หดตัวจากการระบาดของไวรัสเดลต้าที่รุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมประจำปีของเฟดที่เมือง Jackson Hole รัฐไวโอมิง ในช่วงวันที่ 26-28 ส.ค. เพื่อรอดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณลด QE ตามที่คณะกรรมการเฟดหลายท่านเสนอหรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลข ส่งออก/นำเข้าของไทย อาจเห็นการชะลอตัวหลังตัวเลขนำเข้าของจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไทยเริ่มลดลงเบื้องต้น Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 18.7% เทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน (yoy) ชะลอตัวจากเดือน มิ.ย. ที่เติบโต 43.82% เทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน (yoy)

ขณะที่วันนี้ได้บรรยากาศ (Sentiment) บวกจากเงินบาทอ่อนค่าและน้ำมันดิบร่วงแรงหนุนมาร์จิ้นเพิ่ม
และอีกตัวคือ TMT หรือ บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน) ราคาปิดที่ 11 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ/เป้าหมายราคาที่ 12.5 บาทต่อหุ้น แนะนักลงทุนดักซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 ส.ค. ให้เงินปันผล 0.6 บาทต่อหุ้นให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) 5.5% ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/64 ยังดีต่อ เนื่องจากราคาเหล็กยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และคาดว่าตลาดจะทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์