ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทย (BSI COVID) โดยพบว่า ภาคเอกชนมองว่าเศรษฐกิจไทยยังคงเปราะบาง ขณะที่กำลังซื้อที่อ่อนแอจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ขณะที่การฟื้นตัวในภาคการผลิตต้องเผชิญอุปสรรคเกี่ยวกับการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตและขนส่งเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่าผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนน้อยกว่าหรือใกล้เคียงเมื่อเทียบกับการระบาดของสายพันธุ์เดลตา

สำหรับการฟื้นตัวของการจ้างงานปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากธุรกิจนอกภาคการผลิตเป็นสำคัญ ทั้งในด้านจำนวนและรายได้แรงงาน เช่นเดียวกับสภาพคล่องของธุรกิจปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนของผู้ประกอบการเริ่มเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบ

แต่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นราคาสินค้าภายใน 12 เดือนข้างหน้าเนื่องจากการแข่งขันสูง และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจในภาคบริการ นอกจากนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน และยังไม่มีแนวทางที่จะปรับเพิ่มค่าจ้าง หรือแม้ว่าบางส่วนจะขาดแคลนแรงงาน แต่จะเลือกจ้างพาร์ทไทม์ หรือเพิ่มชั่วโมงการทำงานของแรงงานเดิมมากกว่า

ทั้งนี้ ธปท.ยังได้รายงานผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) 2565 ซึ่งจัดทำร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พบว่า ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก ทั้งปัจจุบันและอีก 3 เดือนข้างหน้ายังคงปรับดีขึ้น จากการทำโปรโมชันส่งเสริมการขายและมาตรการรัฐ

ขณะที่ความกังวลต่อการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอนที่เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน และกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลต่อการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า สะท้อนจากการเลือกซื้อสินค้าที่มีโปรโมชัน และขนาดสินค้าที่เล็กลง.

cr.ไทยรัฐ

Leave a Reply